วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

รีวิวทำเลสิคที่ TRSC

ในที่สุดก็ครบรอบการทำเลสิคหนึ่งเดือนแล้วเจ้าค่าาา เราเลยมารีวิวให้อ่านกัน

*คำเตือน* รีวิวนี้เหมาะสำหรับ...
• คนที่สนใจทำเลสิคที่ TRSC
• สายเปย์ ผู้มีเงินทุนสูงมาก
• คนที่สนใจการทำเลสิคด้วยวิธี ReLEx 



ขั้นที่ 1 หาข้อมูลและเลือกศูนย์เลสิค

เลสิคเป็นเป้าหมายแรกที่เราตั้งใจจะทำหลังเรียนจบ พอกันทีกับแว่นตาและคอนแทคเลนส์ บอกลาโลกเบลอๆ ที่โคตรเป็นอุปสรรคต่อชีวิตค่ะ พอเรียนจบกลับมาบ้านปุ๊บก็รายงานคุณนายแม่เรื่องจะทำเลสิคทันที ช่วงนั้นเพิ่งสอบเสร็จก็ยังขี้เกียจเลยไม่ได้หาข้อมูลอะไร แต่เหมือนคุณนายแม่จะรีบกว่า นางไปอ่านรีวิวคุ้ยข้อมูลโรงพยาบาล คลินิก วิธีทำ ข้อจำกัด บลาๆๆ เรียบร้อย

ผลสรุปคือนางอยากได้ TRSC ตอนแรกก็เถียงนางว่ามันแพงกระเป๋าฉีกเกินไป บอกก่อนเลยว่าที่นี่คือศูนย์เลสิคที่แพงที่สุดในประเทศไทยแล้วนะ เราถึงได้จั่วหัวไว้ว่าเหมาะสำหรับผู้มีเงินทุนสูง ข้อดีคือที่นี่เป็นศูนย์เลสิคที่มีชื่อเสียงเชื่อถือได้ หมอมีประสบการณ์ เชี่ยวชาญ การบริการเป็นเลิศ และอีกนานัปการที่คุณนายแม่เป็นปลื้ม แต่ขอกระซิบนิดนึงว่าเราไปคุ้ยข้อมูลหาศูนย์เลสิคอื่นก็เจอที่ที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับเดียวกันและค่าใช้จ่ายน้อยกว่า คือ TRSC เค้าชนะเลิศด้านการแข่งขันเชิงธุรกิจน่ะค่ะ ฐานเสียงดีก็มี Brand Loyalty ถึงลูกค้าจะรู้ว่าแพงแต่ก็ยินดีจ่ายอะไรงี้ ซึ่งคุณนายแม่เราก็เป็นหนึ่งในนั้น ประเภทที่คิดว่า 'ของแพงแสดงว่าดี' เราก็เออออตามใจนางไปจะได้เลสิคไวๆ แล้วไม่ต้องกังวลถึงผลลัพธ์มาก เพราะถึงยังไงตาเราก็มีคู่เดียวอ่ะเนอะ Safety First ไว้ก่อนดีกว่า แพงแต่ชัวร์ก็หยวนๆ ละกัน

กลับเข้าเรื่องค่ะ พอได้ที่ที่จะทำแล้ว เราก็โทรไปถามรายละเอียดคร่าวๆ พนักงานก็ถามว่าจะทำกับหมอคนไหน นี่ก็ไม่รู้เรื่องจ้าเพราะไม่ได้ดูข้อมูลหมอในเว็บไซต์ เลยบอกให้เขาแนะนำให้ ตอนแรกจะได้หมอเอกเทศ เป็นผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการ ตอนหาข้อมูลเจอคนพูดถึงชื่อนี้เยอะติด Top 3 ค่ะ คนไข้ทุกรายการันตีฝีมือ ซึ่งกว่าจะได้ทำก็ต้องรอคิวอีกสองเดือน แต่เรามีแพลนจะไปต่างประเทศสักพักเลยต้องรีบทำ สุดท้ายก็ได้เลสิคกับคุณหมอสุกานดาค่ะ สำหรับ TRSC เธอเป็นหมอที่คนรีวิวแนะนำเยอะสุดรองจากหมอเอกเทศ รายชื่อในเว็บก็อยู่อันดับสองต่อจากชื่อหมอเอกเทศ เรียกว่ามือสองของศูนย์เลสิคนี้ก็น่าจะได้ เรานัดวันตรวจตา ได้วันที่นับไปสองอาทิตย์หลังจากวันที่โทรไป

ค่าเลสิคของเราราคาเต็ม 135,000.- ซึ่งแพงสุดในไทยละ ใครมีงบจำกัดแนะนำให้อ่านรีวิวของที่อื่นเลยนะ มีเจ้าที่ถูกกว่านี้หลายยยยหมื่น ส่วนใครจะอ่านรีวิวเราขำๆ ก็อัพทูยูวจ้า




ขั้นที่ 2 ตรวจตาก่อนทำเลสิค

สำหรับคนที่ใส่คอนแทคเลนส์ งดใส่ก่อนวันตรวจ 3 วันนะ ไม่ควรขับรถมาเองเพราะขากลับจะตาเบลอนิดนึง สาเหตุค่อยว่ากันข้างล่าง วันตรวจเราใช้เวลา 3 ชั่วโมงค่ะ (8.30 - 11.30 น.) ค่าตรวจราคาเต็ม 2,000.- เรื่องค่าใช้จ่ายเดี๋ยวเราสรุปไว้ท้ายๆ นะ พอเราไปถึงพนักงานจะให้ดูวีดีโอประกอบการตัดสินใจทำเลสิค ความยาวเกือบหนึ่งชั่วโมง เนื้อหาหลักจะพูดถึงวิธีทำเลสิคโดยสังเขป 3 วิธี ได้แก่
1. LASIK
2. FemtoLASIK
3. ReLEx

แต่ละวิธีจะต่างกันตรงกระบวนการผ่าตัด เครื่องมือที่ใช้ ความเสี่ยง ภาวะแทรกซ้อนและวิธีแก้ไข ผลข้างเคียง ข้อจำกัดในการทำ ให้เราพิจารณาข้อดี - ข้อเสียกันไป เมื่อดูเสร็จแล้วพนักงานก็จะมาอธิบายเพิ่มเติม ถามข้อสงสัย บอกราคาการทำเลสิคแต่ละวิธี แล้วให้เราเลือกว่าจะเลสิคด้วยวิธีไหน ซึ่งเราหาข้อมูลและเลือกมาจากบ้านแล้ว ก็เลือกวิธีรีเล็กซ์ (ReLEx) ไปค่ะ เป็นวิธีที่ดีที่สุด ทันสมัย แผลเล็กหายไว ความเสี่ยงต่ำ ผลกระทบหลังทำน้อย และแน่นอนว่าต้องอภิมหาแพงงงงงงงที่สุดจ้า


เสร็จแล้วก็ไปเข้ากระบวนการตรวจวิเคราะห์สภาพตาค่ะ ไปนั่งจ้องเครื่องนั่นเครื่องนี่ วัดค่าสายตา วัดความดันตา วัดความหนาของกระจกตา บลาๆๆ เพื่อดูว่าเราจะใช้วิธีรีเล็กซ์ได้ไหม เดินวนไปเวียนมาเข้าห้องนั้นออกห้องนี้ราวชั่วโมงนึง ปิดท้ายด้วยการหยอดยาขยายม่านตา 3 ครั้ง เว้นระยะรอบละ 10 นาที รวมใช้เวลาตรงนี้ไปครึ่งชั่วโมง การหยอดยานี้นี่แหละเป็นเหตุให้เรามองไม่ชัด จึงไม่ควรขับรถจนกว่ายาจะหมดฤทธิ์ค่ะ ขั้นตอนนี้พนักงานจะพาเราไปนอนที่เก้าอี้นวดในห้องหนึ่ง ฟินสบายเสมือนอยู่สปาเลยค่ะ

หลังตรวจทุกอย่างเสร็จสิ้นเราก็จะได้พบหมอค่ะ หมอสุกานดาของเราสวยมากกก สาวและสวยกว่ารูปในเว็บเยอะเลย นิสัยก็น่ารักมากกกกกกก เป็นไทป์สายชิลล์ติดฮา เป็นกันเองสุด ก็สรุปจากนานาผลตรวจแล้วเราสามารถใช้วิธีรีเล็กซ์ได้ นัดคิวผ่าตัดได้ไวสุดสองสัปดาห์ข้างหน้า
ส่วนนี่เป็นแฟ้มเอกสารใดๆ ที่ไม่ต้องอ่านก็ได้ถ้าตั้งใจฟังพนักงานพูดอย่างครบถ้วนกระบวนความ





ขั้นที่ 3 ทำเลสิค

ก่อนวันผ่าตัดห้ามใส่คอนแทคเลนส์ 3 วัน พนักงานบอกว่าจะใช้เวลา 2 ชั่วโมง ส่วนเราใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง 15 นาที (16.00 - 17.15 น.)

พนักงานจะให้เราใส่ชุดคนไข้ทับชุดที่ใส่มา แล้วก็เข้าไปโซนสำหรับรอเข้าห้องผ่าตัด พาเราไปนอนที่เก้าอี้นวดเพื่อหยอดยาขยายม่านตา 3 ครั้งแล้วก็ให้กินยาอะไรสักอย่างลืมไปละ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ถึงเวลาเข้าห้องเชือด… แค่กๆๆ ห้องผ่าตัดค่ะ ก่อนเลเซอร์จะมีพยาบาลมาทำความสะอาดหน้าเรา เอาพลาสติกมาแปะบนหน้า หน้างี้ตึงเปรี๊ยะเลยทีเดียว สักพักหมอก็เข้ามาในห้อง แล้วก็ยุ่งวุ่นวายนู่นนี่นั่นกับตาเรา คือตาเราจะไร้ความรู้สึกไปแล้วไง เราจะเห็นแค่อะไรสักอย่างมาเขี่ยๆ บนลูกตา เอาที่ถ่างตามาถ่างข้างที่จะเริ่มเลเซอร์ก่อน ตรงนี้ก็จะนึกถึงไฟนอลเดสติเนชั่นนิดนึง ช่วงนี้หมอถามหลายรอบเลยว่ากลัวไหม ด้วยความที่ความอยากหายสายตาสั้นมันกลบความแพนิคไปหมด เราก็บอกไปว่าไม่กลัวค่ะ วันนั้นหมอมาบอกทีหลังด้วยว่าเราสตรองมากถ้าเทียบกับคนไข้ที่ผ่านมา


จากนั้นหมอจะเลื่อนเตียงไฟฟ้าจนตาเราตรงกับเลเซอร์ ให้เรามองจุดสีเขียว ห้ามกระพริบตา ใช้เวลายิงเลเซอร์ข้างละ 15 วิค่ะ หมอจะเคาท์ดาวน์ให้เรา ก็ลุ้นๆ ดี ตอนยิงเลเซอร์เราจะไม่รู้สึกเจ็บนะเพราะตาไร้ความรู้สึกอยู่ สำคัญสุดคือตาต้องนิ่งมาก ห้ามหลุกหลิกเด็ดขาด ทิปส์คือให้เราพยายามทำตาลอยๆ เหม่อๆ เสมือนคนเมากาว แต่ต้องไม่ลืมโฟกัสจุดเขียวแบบไม่เพ่งเกินไปด้วยนะ รวมใช้เวลาอยู่ในห้องผ่าตัด 10 - 15 นาทีเอง เสร็จแล้วก็ออกมานอนที่เก้าอี้นวดเหมือนเดิม ฤทธิ์ยาชาหมดก็ไม่เจ็บนะ ระหว่างนี้ตาเราก็เริ่มมองเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ แล้วค่ะ ตอนนั้นแอบตกใจความได้ผลทันตา เพราะอ่านรีวิวหลายที่เขาบอกกลับไปนอน ตื่นมาถึงจะเห็นชัด นอนเปื่อยไปสักพักพยาบาลก็จะมาครอบตาให้ บอกข้อปฏิบัติคือห้ามล้างหน้าให้เอาผ้าเช็ดแทน ห้ามเอาที่ครอบตาออก ค่อยให้หมอเปิดให้พรุ่งนี้เช้า นอกเรื่อง ระหว่างนอนเปื่อยเราเจอคุณหมอเอกเทศเดินอยู่แถวนั้นด้วย แกแลดูสุภาพนุ่มนวล คุยกับพนักงานเพร๊าะเพราะ

กลับถึงบ้านไปก็แอบเล่นมือถือโดยมองผ่านช่องของที่ครอบตาประมาณสองชั่วโมง (ห้ามทำตามเนาะ) แล้วก็นอนหลับไปอีกสองชั่วโมง ตื่นมาน้ำตาซึมหยดนึงแต่ไม่มีความรู้สึกเจ็บเลยอ่ะ จะรู้สึกขี้เกียจลืมตาบ้าง แต่เราหิวเลยลุกมากินทุเรียนละนอนดูทีวีแบบมองจอเป็นพักๆ มองนานไม่ได้เพราะตามันขี้เกียจลืม สรุปคือตาเราไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่แสบอะไรเลย หมอให้ยาแก้ปวดกับยานอนหลับมาก็ไม่ได้กิน

เสริมนิดนึงค่ะ TRSC มีตู้รับบริจาคแว่นตาด้วยนะ เขาจะส่งต่อกรอบแว่นตาไปให้โครงการตัดแว่นตาฟรีสำหรับคนไม่มีเงิน แต่ใครจะเก็บไว้ดูต่างหน้าเกร๋ๆ ก็ได้ ส่วนเรามีแว่นตาที่ใช้อยู่ปัจจุบันทั้งสิ้น 4 อัน ก็บริจาคหมดนั่นแหละ สำหรับเรามันเป็นของแสลงหัวใจตอกย้ำครึ่งชีวิตที่เติบโตมาอย่างเบลอๆ โปรดอย่าถามว่าชีวิตนี้หมดเงินไปกับค่าแว่นตาแล้วกี่อัน คอนแทคเลนส์รายวันกับรายเดือนกี่คู่ น้ำตาเทียมรายวันกี่หลอด น้ำยาล้างคอนแทคกี่ขวด ถ้าคุณทราบ ค่าเลสิคแสนสามจะดูชิคๆ ขึ้นมาทันที





ขั้นที่ 4 ตรวจตาหลังทำเลสิค

การตรวจติดตามผลหลังทำเลสิคจะมี 5 ครั้งภายในระยะเวลา 1 ปี ได้แก่ ตรวจหลังทำเลสิค 1 วัน, 1 สัปดาห์, 1 เดือน, 3 เดือน และ 1 ปี แต่ละรอบที่ไปยกเว้นรอบแรกจะมี Process เหมือนๆ กันคือไปตรวจวัดค่าสายตา (ที่ให้อ่านตัวอักษรอ่ะ) วัดความดันตา ปิดท้ายที่ให้หมอส่องลูกตา พนักงานบอกใช้เวลา 1 ชั่วโมง แต่เราไม่เคยใช้เวลาเกิน 30 นาทีสักรอบ

• ตรวจตาครั้งที่ 1 | หลังทำเลสิค 1 วัน หรือก็คือวันรุ่งขึ้นนั่นเอง หมอนัดเรา 8.30 น. เราก็หิ้วตัวเองซึ่งใส่ที่ครอบตาอยู่ เสมือนอวตารเป็นไอ้มดแดงไปขึ้น BTS ทุกคนล้วนหลีกทางให้ด้วยความเวทนาอาดูร ผลการตรวจคือแผลหายดีแล้วจ้า ไวดีชะมัด อนึ่งเป็นเพราะเราใช้วิธีรีเล็กซ์ซึ่งแผลเล็กทำให้หายไวนะคะ เรายังต้องครอบตาตอนนอน ห้ามล้างหน้าแต่ให้เช็ดแทน ห้ามสระผมเองต้องไปร้านเป็นเวลา 3 วัน ให้หยอดยาแก้อักเสบ 4 เวลาเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน และหยอดน้ำตาเทียม (ที่ให้มาเป็นแบบรายวัน) ทุก 1 - 2 ชั่วโมง

 

• ตรวจตาครั้งที่ 2 | หลังทำเลสิค 1 สัปดาห์ ช่วงหนึ่งวีคนี้เราจะต้องหยอดน้ำตาเทียมบ่อยมาก ค่อนข้างน่ารำคาญ แล้วคือเราไม่ชินกับโลก HD เราจะชอบนึกว่าตัวเองลืมถอดคอนแทคเลนส์ มโนไปเองว่ารู้สึกตาเมื่อยล้าเหมือนใส่คอนแทคนานเกินไปอ่ะ ลำเค็ญเพราะตัวเองแท้ๆ แล้วก็ขอกระซิบนิดนึง คือเขาจะให้ใส่ที่ครอบตาเผื่อเราเผลอขยี้ตาตอนนอน แล้วเราเป็นคนนอนนิ่งบวกกับรำคาญที่ต้องแปะมัน เราก็เลยไม่ได้ครอบ อีกอย่างคือที่เขาห้ามล้างหน้าสระผม 3 วันเราก็ไม่ได้ทำตาม (เลวสองต่อ) เพราะขยะแขยงสภาพหน้าเยิ้ม ผมมันแผลบของตัวเอง แต่งกเงินไม่อยากไปสระที่ร้าน เราก็เลยล้างหน้าโดยปิดตาให้สนิทแล้วล้างแค่น้ำเปล่า ปกติเราไม่ใช้โฟมอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหา ส่วนสระผมเราเริ่มสระวันที่ 2 หลังเลสิค ที่จริงจะสระได้วันที่ 4 หลังเลสิคนะ ตอนสระเราก็ทำเหมือนตอนล้างหน้าคือปิดตาให้สนิท เอาขวดแชมพูครีมนวดวางเตรียมไว้ตรงที่หยิบถนัดมือ เช็ดหน้าให้แห้งทุกครั้งก่อนลืมตา พอไปตรวจครั้งนี้ก็ปรากฏว่าโนพลอมแพลมนะ อันนี้เล่าให้ฟังเฉยๆ ไม่ควรทำตาม ถ้าไม่อยากมีปัญหาควรปฏิบัติตามคำสั่งหมออย่างเคร่งครัด อย่าเป็นเด็กดื้อเหมือนเราน้อ ตอนนั้นโดนแม่แซะด้วยว่า "ทำเลสิคเป็นแสน เสือกงกค่าสระผมเจ็ดสิบ"

• ตรวจตาครั้งที่ 3 | หลังทำเลสิค 1 เดือน ค่าสายตาดีเยี่ยม ไม่มีปัญหาอะไรเลย

• ตรวจตาครั้งที่ 4 | หลังทำเลสิค 3 เดือน N/A *ค่าสายตาจะคงที่แน่นอนตอนนี้นะ*

• ตรวจตาครั้งที่ 5 | หลังทำเลสิค 1 ปี N/A

หยูกยานานัปการ


ใครมีงบจำกัดไม่แนะนำที่นี่จริงๆ นะ TRSC มันแพงสุดในประเทศไทยอ่ะ จากที่เราหาข้อมูลที่อื่น เห็นว่าบางที่ก็มีเครื่องมือทันสมัย หมอเก่ง บริการเป็นเลิศ เรียกว่าคุณภาพมาตรฐานระดับเดียวกันแต่ราคาต่ำกว่าหลายหมื่นเลย ลองหาดูค่ะ ไม่ยาก ส่วนใครไม่มีปัญหาเรื่องเงิน แบบว่าบ้านรวยตังค์เหลือก็แนะนำที่นี่เลย นอกเหนือจากความชัวร์เรื่องการเลสิคแล้ว คือคุณหมอน่ารัก (ถึงเราจะเจอแค่ 2 คน) พนักงานสุภาพ บริการเป็นเลิศ โทรแจ้งก่อนวันตรวจตลอด ไม่เททั้งที่จ่ายเงินครบแล้ว มีมุมเครื่องดื่มกับของกินเล่นด้วย สบายพุงคนรอไปอีก เอาเป็นว่าก็สมราคาที่จ่ายไปเป็นแสนอ่ะค่ะ

คุณนายแม่เราก็เคยทำเลสิคเมื่อ 15 ปีที่แล้วนะ เป็นยุคบุกเบิกการทำเลสิคในไทย ทำที่รามา ใช้วิธีไหนไม่รู้แต่ราคาตอนนั้น 55,000.- (ถ้าเทียบค่าเงินปัจจุบันก็เป็นแสนล่ะ) ปัจจุบันนางสายตาสั้นขึ้นมา 50 มีสายตายาวตามความแก่ของนาง ถามหมอที่ TRSC เค้าบอกจัดว่าเป็นค่าสายตาที่เพอร์เฟ็คแล้วสำหรับวัยนี้ จำรายละเอียดที่หมอพูดไม่ได้ละ แต่ประมาณว่าค่าสายตาสั้นยาวฟีทเจอริ่งกันจนลงตัวอ่ะ



สรุปค่าใช้จ่าย

• ค่าตรวจวิเคราะห์สภาพตาก่อนผ่าตัด 1,500.- (ราคาเต็ม 2,000.-)
• ค่าผ่าตัดแบบ ReLEx (รวมค่ายาและค่าตรวจติดตามหลังผ่าตัด) 129,800.- (ราคาเต็ม 135,000.-)

*ส่วนลด*
• ลงทะเบียนรับส่วนลดในเว็บไซต์ ลด 4,500.- (แบ่งเป็นลดค่าตรวจ 500.-, ค่าผ่าตัด 4,000.-)
• จ่ายค่าผ่าตัดด้วยเงินสดลด 1,200.-

รวมเสียทรัพย์ไป 131,300.- บาท




ข้อมูล TRSC

เว็บไซต์ : http://www.lasikthai.com 
โทรศัพท์ : 02-733-2020 (เวลาทำการ : วันจันทร์ - เสาร์ 8.00 - 20.00 น. | วันอาทิตย์ 8.00 - 17.00 น.)
อีเมล์ : info@lasikthai.com
ที่ตั้ง : TRSC International LASIK Center เลขที่ 968 อาคารอื้อจือเหลียง ชั้น 6 ถ.พระราม 4 สีลม บางรัก กรุงเทพฯ 10500
สถานที่ใกล้เคียง : สวนลุมพินี, โรงแรมดุสิตธานี, สีลมคอมเพล็กซ์, สะพานไทย - เบลเยี่ยม
วิธีเดินทางด้วยรถไฟฟ้า : BTS สายสีเขียว (ตากสิน - บางหว้า) ลงสถานีศาลาแดง | MRT สายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง - บางซื่อ) ลงสถานีสีลมหรือลุมพินี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น