วันพฤหัสบดีที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2560

[BL Novel Review] Overnight Love

Overnight Love

Yoigoshi no Koi (宵越しの恋)

เรื่อง : Kawakoto Yuika

ภาพ : Hashimoto Aoi

จำนวน : เล่มเดียวจบ

 

 

*SPOILER ALERT : รีวิวมีสปอยล์เนื้อหาบางส่วน*

 

[ จุนเป × มิฮิโระ ]

     โอซากะ มิฮิโระติดนิสัยการใช้ชีวิตโดยคอยสังเกตคนรอบข้างและทำตัวให้กลมกลืนเพื่อไม่ให้ตัวเองแตกแยกจากคนอื่น สมัยเรียนมัธยม เพื่อนของมิฮิโระแค้นที่โดนแฟนสาวทิ้งเพราะเธอไปชอบโคจิยะ จุนเป เพื่อนร่วมห้องหนุ่มหล่อผู้เงียบขรึม จึงกุข่าวว่าจุนเปแอบชอบมิฮิโระ ตั้งแต่นั้นมาจุนเปก็ถูกเพื่อนล้อเลียนว่าเป็นโฮโมและตีตัวออกห่าง มิฮิโระได้แต่คล้อยตามเพื่อนๆ แม้จะไม่ชอบใจนัก ทว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขากลายเป็นฝ่ายมองหาจุนเป ทั้งที่ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้มีทีท่าสนใจเขาสักนิด เป็นเขาต่างหากที่เอาแต่มองตามแผ่นหลังอีกฝ่ายเสมอมา

     สิบเอ็ดปีต่อมา มิฮิโระในวัยยี่สิบเก้าได้เป็นช่างทำขนมและเปิดร้านร่วมกับแฟนสาวที่รู้จักกันตอนไปเรียนทำขนมที่สเปน แต่แล้วมิฮิโระก็จับได้ว่าแฟนของเขานอกใจ เมื่อถามเหตุผลกลับโดนโทษว่าเป็นเพราะเขาไม่ได้รักเธอมาก ที่คบกันมาก็แค่ทำตามหน้าที่จากนิสัยว่าไงว่าตามกัน คืนนั้นมิฮิโระไปงานเลี้ยงรุ่นเพื่อนสมัยมัธยม เขาดื่มเหล้าจนเมาพลัดตกบันได

     เมื่อฟื้นขึ้นมามิฮิโระพบว่าตนสูญเสียความทรงจำชั่วคราว พยาบาลบอกว่าคนที่พามาส่งโรงพยาบาลเป็นชายหนุ่มซึ่งอ้างว่าเป็นคนรักของเขา ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงความทรงจำมิฮิโระก็กลับมาและรู้ว่าตนไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชาย ทั้งยังเพิ่งเลิกกับแฟนสาวด้วย ไม่นานผู้ชายที่โกหกว่าเป็นคนรักก็ก้าวเข้ามาในห้อง มิฮิโระต้องตกตะลึงเมื่อพบว่านั่นคือจุนเปที่ไม่ได้พบกันเลยหลังจากเรียนจบ ม.ปลาย เขาแกล้งคล้อยตามจุนเปโดยไม่บอกว่าความทรงจำกลับคืนมาแล้วเพื่อจับผิดว่าเหตุใดจุนเปจึงต้องโกหก หลังออกจากโรงพยาบาล จุนเปพามิฮิโระไปอยู่ที่แมนชั่น คอยดูแลเอาใจใส่อย่างอ่อนโยนจนมิฮิโระเกิดความสับสน ความรู้สึกหวั่นไหวที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วเริ่มกลับมาอีกครั้ง

__________________________________________________

 

     ปมเรื่องไม่ซับซ้อนเดาทางง่ายแต่ยังมีความน่าติดตามอยู่ คนหนึ่งโกหกว่าความจำเสื่อม อีกคนโกหกว่าเป็นคนรัก ความสัมพันธ์ละมุนละไมเรียบเรื่อยไม่หวือหวา จัดว่าอ่านได้เรื่อยๆ หาวเป็นพักๆ มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ๊นญี่ปุ่นเพราะตระกูลพระเอกประกอบกิจการร้านขนมเก่าแก่ สิ่งที่จะได้พบบ่อยมากในเรื่องคือกิโมโน พิธีชงชา ขนมญี่ปุ่นโบราณ ซึ่งจะมีการใช้คำทับศัพท์ที่เราไม่รู้จักเยอะมากจนอ่านแล้วรำคาญใจเบาๆ เนื่องจากจินตนาการไม่ออก

     ชอบแง่คิดในการใช้ชีวิตที่สอดแทรกผ่านบทบาทของนายเอกซึ่งถูกปลูกฝังให้คอยสังเกต ทำตัวกลมกลืนกับคนอื่นเพื่อปกป้องหน้าตาและรักษาจุดยืนของตัวเอง จนบางครั้งก็ทำให้พลาดสิ่งที่ต้องการจริงๆ ไป แบบสมมติว่ามีทางแยกสองทาง นางจะเลือกเลี้ยวไปทางที่คนส่วนใหญ่ไปกันทั้งที่ในใจคิดว่าอยากไปอีกทางมากกว่า กว่าจะรู้ตัวว่าสิ่งที่ต้องการอยู่ปลางทางฝั่งโน้นก็กลับไปเลี้ยวใหม่ไม่ทันแล้ว ซึ่งคนที่มีวิถีชีวิตแบบนี้ในสังคมมีอยู่เยอะมาก โดยเฉพาะคนญี่ปุ่นนี่สุดโต่งเลยแหละ

     สมุดโน้ตที่อยู่บนภาพปกหนังสือเป็นบันทึกประจำวันของนายเอกที่พระเอกเป็นคนแนะนำให้เขียนเพื่อกระตุ้นความทรงจำ ความฟินอยู่ตรงที่เวลานายเอกเขียนบันทึกในแต่ละวัน นางจะเขียนเรื่องที่ตัวเองสงสัยเกี่ยวกับพระเอกลอยๆ พอพระเอกอ่านก็จะตอบโดยใช้การกระทำอ้อมโลก อย่างเช่นพูดคำตอบเนียนๆ ระหว่างสนทนางี้ ใช้ซอสเขียนคำตอบบนไข่เจียวงี้ เป็นไอเดียการจีบกันที่ก๊าวใจดี

 

คะแนน : 2/5

*การให้คะแนนขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล*

 

[BL Novel Review] Midnight Chronicles

Midnight Chronicles

Mayonaka Chronicle (真夜中クロニクル)

เรื่อง : Nagira Yuu

ภาพ : Oyamada Ami

จำนวน : เล่มเดียวจบ

 

  

*SPOILER ALERT : รีวิวมีสปอยล์เนื้อหาบางส่วน*

 

[ โยโค × นีนะ ]

      สึดะ นีนะเป็นโรคแพ้รังสียูวีจึงไม่สามารถโดนแสงแดดได้ ตอนชั้นประถม หลังจากเพื่อนๆ รู้ก็พากันตีตัวออกห่างด้วยความรังเกียจ กลั่นแกล้งจนเขากลายเป็นคนเก็บกด มืดมน ปิดกั้นตัวเอง เก็บตัวอยู่แต่ในห้องและใช้ชีวิตตอนกลางคืน วันหนึ่งในสวนสาธารณะยามค่ำคืน นีนะในวัยสิบแปดได้พบกับมาชิตะ โยโค เด็กชายที่อายุน้อยกว่าเจ็ดปีที่มีรอยยิ้มเจิดจ้าราวดวงตะวัน โยโคเข้ามาตีสนิทนีนะโดยไม่ย่อท้อแม้จะถูกผลักไส นีนะได้รู้ว่าโยโคเองก็มีปัญหาชีวิต โยโคเป็นดาราเด็กจึงโดนเพื่อนกลั่นแกล้งคล้ายกับตัวเขา เปลือกที่นีนะห่อหุ้มตัวเองไว้ค่อยๆ กระเทาะออกทีละนิด

     อยู่มาวันหนึ่ง พวกเขาพากันหนีออกจากบ้านเพื่อหลบจากปัญหาที่รุมเร้า แต่นีนะกลับแพ้แสงแดดจนต้องเข้าโรงพยาบาล โยโคให้สัญญากับตัวเองว่าโตขึ้นจะเป็นชายที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องนีนะให้ได้ ทว่าชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด ห้าปีต่อมา นีนะได้เป็นนักแต่งเพลงสำหรับเด็ก ส่วนโยโคสานต่ออาชีพนักแสดง แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จนัก ความฝันที่จะเป็นเป็นที่พึ่งให้นีนะช่างอยู่ห่างไกลความเป็นจริง

__________________________________________________

 

     จังหวะการดำเนินเรื่องลงตัวมากกกก ทั้งที่ดูเนิบนาบแต่ไม่ทำให้รู้สึกว่ายืดเยื้อน่าเบื่อเลยสักนิด รู้สึกอินไปกับการเฝ้าดูการพัฒนาความสัมพันธ์พระ-นายที่เหมือนการก้าวขึ้นบันไดไปทีละขั้นอย่างช้าๆ ความรักบริสุทธิ์ไร้เดียงสาแต่ทำให้เขินแรงมาก การเชื่อมโยงเพื่อแก้ปมตอนท้ายเรื่องมีความสมเหตุสมผล มีมุกตกคิ้วท์ๆ แทรกเป็นระยะอ่านแล้วอมยิ้ม มีพอยต์ที่เราประทับใจหลายจุด ชอบประเด็นที่นายเอกถ่ายทอดความเป็นตัวเองลงไปในบทเพลงที่แต่งเพื่อสะท้อนความรู้สึกผ่านท่วงทำนอง เป็นการทำให้คนอื่นรับรู้ตัวตนสำหรับคนที่ได้แต่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว อ่านแล้วเมโลดี้เพลง ost. ฟีลเหงาๆ ที่ใช้ประกอบอนิเมะหรือซีรีส์ดราม่าน้ำตานองของญี่ปุ่นลอยมาในหัวเลย (ประมาณ 'One more time, One more change' อะไรงี้) โอ๊ยแกมันดีงามไปหมดควรไปอ่าน แนะนำว่าตอนอ่านอย่าด่วนได้ใจเร็วนะ ละเมียดละไมไปกับความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปทีละขั้นแล้วจะซาบซึ้งตรึงใจเหมือนเรา

     นายเอกเรื่องนี้มีอิมเมจเป็นแมวจอมหยิ่ง ซึ่งทาสแมวอย่างเรายินยอมหมอบกราบด้วยความเต็มใจ เป็นหนุ่มรูปงามแฝงความมืดมน แต่ปมในวัยเด็กทำให้มองโลกในแง่ร้ายคิดว่าตัวเองน่าเกลียด นางมีนิสัยอย่างหนึ่งที่เราชอบมาก คือเป็นพวกพูดออกไปตามที่คิดไม่ได้ กรณีเดียวกับเด็กน้อยที่ยังไม่มีพัฒนาการด้านการสื่อสารเพราะไม่ค่อยปฏิสัมพันธ์กับใครอ่ะ อึดอัดอยากจะอธิบายแทบตายก็ได้แต่ปล่อยผ่าน เลยทำให้ดูเป็นคนเย็นชาทั้งๆ ที่แท้จริงโคตรใสซื่อ ฮืออออ เอ็นดูแรง ตอนอ่านนี่อินกับการเอาใจช่วยให้นางหลุดพ้นจากปมในใจสุดๆ

     ส่วนพระเอกนี่แก่แดดตั้งแต่เด็ก อยู่ประถมก็มาเต๊าะนายเอกที่อยู่มัธยมปลายแล้ว นับถือในความทุ่มเทพยายามและรักมั่นคงของน้องมาก เอาใจเราไปเลย สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่าปลื้มปริ่มกับพระนายที่ต่างก็ซิงทั้งคู่ นิยายวายที่พระเอกซิงนี่แม่งหายากยิ่งกว่างมเข็มอีก

 

คะแนน : 5/5

*การให้คะแนนขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล*

 

วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

รีวิวทำเลสิคที่ TRSC

ในที่สุดก็ครบรอบการทำเลสิคหนึ่งเดือนแล้วเจ้าค่าาา เราเลยมารีวิวให้อ่านกัน

*คำเตือน* รีวิวนี้เหมาะสำหรับ...
• คนที่สนใจทำเลสิคที่ TRSC
• สายเปย์ ผู้มีเงินทุนสูงมาก
• คนที่สนใจการทำเลสิคด้วยวิธี ReLEx 



ขั้นที่ 1 หาข้อมูลและเลือกศูนย์เลสิค

เลสิคเป็นเป้าหมายแรกที่เราตั้งใจจะทำหลังเรียนจบ พอกันทีกับแว่นตาและคอนแทคเลนส์ บอกลาโลกเบลอๆ ที่โคตรเป็นอุปสรรคต่อชีวิตค่ะ พอเรียนจบกลับมาบ้านปุ๊บก็รายงานคุณนายแม่เรื่องจะทำเลสิคทันที ช่วงนั้นเพิ่งสอบเสร็จก็ยังขี้เกียจเลยไม่ได้หาข้อมูลอะไร แต่เหมือนคุณนายแม่จะรีบกว่า นางไปอ่านรีวิวคุ้ยข้อมูลโรงพยาบาล คลินิก วิธีทำ ข้อจำกัด บลาๆๆ เรียบร้อย

ผลสรุปคือนางอยากได้ TRSC ตอนแรกก็เถียงนางว่ามันแพงกระเป๋าฉีกเกินไป บอกก่อนเลยว่าที่นี่คือศูนย์เลสิคที่แพงที่สุดในประเทศไทยแล้วนะ เราถึงได้จั่วหัวไว้ว่าเหมาะสำหรับผู้มีเงินทุนสูง ข้อดีคือที่นี่เป็นศูนย์เลสิคที่มีชื่อเสียงเชื่อถือได้ หมอมีประสบการณ์ เชี่ยวชาญ การบริการเป็นเลิศ และอีกนานัปการที่คุณนายแม่เป็นปลื้ม แต่ขอกระซิบนิดนึงว่าเราไปคุ้ยข้อมูลหาศูนย์เลสิคอื่นก็เจอที่ที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับเดียวกันและค่าใช้จ่ายน้อยกว่า คือ TRSC เค้าชนะเลิศด้านการแข่งขันเชิงธุรกิจน่ะค่ะ ฐานเสียงดีก็มี Brand Loyalty ถึงลูกค้าจะรู้ว่าแพงแต่ก็ยินดีจ่ายอะไรงี้ ซึ่งคุณนายแม่เราก็เป็นหนึ่งในนั้น ประเภทที่คิดว่า 'ของแพงแสดงว่าดี' เราก็เออออตามใจนางไปจะได้เลสิคไวๆ แล้วไม่ต้องกังวลถึงผลลัพธ์มาก เพราะถึงยังไงตาเราก็มีคู่เดียวอ่ะเนอะ Safety First ไว้ก่อนดีกว่า แพงแต่ชัวร์ก็หยวนๆ ละกัน

กลับเข้าเรื่องค่ะ พอได้ที่ที่จะทำแล้ว เราก็โทรไปถามรายละเอียดคร่าวๆ พนักงานก็ถามว่าจะทำกับหมอคนไหน นี่ก็ไม่รู้เรื่องจ้าเพราะไม่ได้ดูข้อมูลหมอในเว็บไซต์ เลยบอกให้เขาแนะนำให้ ตอนแรกจะได้หมอเอกเทศ เป็นผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการ ตอนหาข้อมูลเจอคนพูดถึงชื่อนี้เยอะติด Top 3 ค่ะ คนไข้ทุกรายการันตีฝีมือ ซึ่งกว่าจะได้ทำก็ต้องรอคิวอีกสองเดือน แต่เรามีแพลนจะไปต่างประเทศสักพักเลยต้องรีบทำ สุดท้ายก็ได้เลสิคกับคุณหมอสุกานดาค่ะ สำหรับ TRSC เธอเป็นหมอที่คนรีวิวแนะนำเยอะสุดรองจากหมอเอกเทศ รายชื่อในเว็บก็อยู่อันดับสองต่อจากชื่อหมอเอกเทศ เรียกว่ามือสองของศูนย์เลสิคนี้ก็น่าจะได้ เรานัดวันตรวจตา ได้วันที่นับไปสองอาทิตย์หลังจากวันที่โทรไป

ค่าเลสิคของเราราคาเต็ม 135,000.- ซึ่งแพงสุดในไทยละ ใครมีงบจำกัดแนะนำให้อ่านรีวิวของที่อื่นเลยนะ มีเจ้าที่ถูกกว่านี้หลายยยยหมื่น ส่วนใครจะอ่านรีวิวเราขำๆ ก็อัพทูยูวจ้า




ขั้นที่ 2 ตรวจตาก่อนทำเลสิค

สำหรับคนที่ใส่คอนแทคเลนส์ งดใส่ก่อนวันตรวจ 3 วันนะ ไม่ควรขับรถมาเองเพราะขากลับจะตาเบลอนิดนึง สาเหตุค่อยว่ากันข้างล่าง วันตรวจเราใช้เวลา 3 ชั่วโมงค่ะ (8.30 - 11.30 น.) ค่าตรวจราคาเต็ม 2,000.- เรื่องค่าใช้จ่ายเดี๋ยวเราสรุปไว้ท้ายๆ นะ พอเราไปถึงพนักงานจะให้ดูวีดีโอประกอบการตัดสินใจทำเลสิค ความยาวเกือบหนึ่งชั่วโมง เนื้อหาหลักจะพูดถึงวิธีทำเลสิคโดยสังเขป 3 วิธี ได้แก่
1. LASIK
2. FemtoLASIK
3. ReLEx

แต่ละวิธีจะต่างกันตรงกระบวนการผ่าตัด เครื่องมือที่ใช้ ความเสี่ยง ภาวะแทรกซ้อนและวิธีแก้ไข ผลข้างเคียง ข้อจำกัดในการทำ ให้เราพิจารณาข้อดี - ข้อเสียกันไป เมื่อดูเสร็จแล้วพนักงานก็จะมาอธิบายเพิ่มเติม ถามข้อสงสัย บอกราคาการทำเลสิคแต่ละวิธี แล้วให้เราเลือกว่าจะเลสิคด้วยวิธีไหน ซึ่งเราหาข้อมูลและเลือกมาจากบ้านแล้ว ก็เลือกวิธีรีเล็กซ์ (ReLEx) ไปค่ะ เป็นวิธีที่ดีที่สุด ทันสมัย แผลเล็กหายไว ความเสี่ยงต่ำ ผลกระทบหลังทำน้อย และแน่นอนว่าต้องอภิมหาแพงงงงงงงที่สุดจ้า


เสร็จแล้วก็ไปเข้ากระบวนการตรวจวิเคราะห์สภาพตาค่ะ ไปนั่งจ้องเครื่องนั่นเครื่องนี่ วัดค่าสายตา วัดความดันตา วัดความหนาของกระจกตา บลาๆๆ เพื่อดูว่าเราจะใช้วิธีรีเล็กซ์ได้ไหม เดินวนไปเวียนมาเข้าห้องนั้นออกห้องนี้ราวชั่วโมงนึง ปิดท้ายด้วยการหยอดยาขยายม่านตา 3 ครั้ง เว้นระยะรอบละ 10 นาที รวมใช้เวลาตรงนี้ไปครึ่งชั่วโมง การหยอดยานี้นี่แหละเป็นเหตุให้เรามองไม่ชัด จึงไม่ควรขับรถจนกว่ายาจะหมดฤทธิ์ค่ะ ขั้นตอนนี้พนักงานจะพาเราไปนอนที่เก้าอี้นวดในห้องหนึ่ง ฟินสบายเสมือนอยู่สปาเลยค่ะ

หลังตรวจทุกอย่างเสร็จสิ้นเราก็จะได้พบหมอค่ะ หมอสุกานดาของเราสวยมากกก สาวและสวยกว่ารูปในเว็บเยอะเลย นิสัยก็น่ารักมากกกกกกก เป็นไทป์สายชิลล์ติดฮา เป็นกันเองสุด ก็สรุปจากนานาผลตรวจแล้วเราสามารถใช้วิธีรีเล็กซ์ได้ นัดคิวผ่าตัดได้ไวสุดสองสัปดาห์ข้างหน้า
ส่วนนี่เป็นแฟ้มเอกสารใดๆ ที่ไม่ต้องอ่านก็ได้ถ้าตั้งใจฟังพนักงานพูดอย่างครบถ้วนกระบวนความ





ขั้นที่ 3 ทำเลสิค

ก่อนวันผ่าตัดห้ามใส่คอนแทคเลนส์ 3 วัน พนักงานบอกว่าจะใช้เวลา 2 ชั่วโมง ส่วนเราใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง 15 นาที (16.00 - 17.15 น.)

พนักงานจะให้เราใส่ชุดคนไข้ทับชุดที่ใส่มา แล้วก็เข้าไปโซนสำหรับรอเข้าห้องผ่าตัด พาเราไปนอนที่เก้าอี้นวดเพื่อหยอดยาขยายม่านตา 3 ครั้งแล้วก็ให้กินยาอะไรสักอย่างลืมไปละ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ถึงเวลาเข้าห้องเชือด… แค่กๆๆ ห้องผ่าตัดค่ะ ก่อนเลเซอร์จะมีพยาบาลมาทำความสะอาดหน้าเรา เอาพลาสติกมาแปะบนหน้า หน้างี้ตึงเปรี๊ยะเลยทีเดียว สักพักหมอก็เข้ามาในห้อง แล้วก็ยุ่งวุ่นวายนู่นนี่นั่นกับตาเรา คือตาเราจะไร้ความรู้สึกไปแล้วไง เราจะเห็นแค่อะไรสักอย่างมาเขี่ยๆ บนลูกตา เอาที่ถ่างตามาถ่างข้างที่จะเริ่มเลเซอร์ก่อน ตรงนี้ก็จะนึกถึงไฟนอลเดสติเนชั่นนิดนึง ช่วงนี้หมอถามหลายรอบเลยว่ากลัวไหม ด้วยความที่ความอยากหายสายตาสั้นมันกลบความแพนิคไปหมด เราก็บอกไปว่าไม่กลัวค่ะ วันนั้นหมอมาบอกทีหลังด้วยว่าเราสตรองมากถ้าเทียบกับคนไข้ที่ผ่านมา


จากนั้นหมอจะเลื่อนเตียงไฟฟ้าจนตาเราตรงกับเลเซอร์ ให้เรามองจุดสีเขียว ห้ามกระพริบตา ใช้เวลายิงเลเซอร์ข้างละ 15 วิค่ะ หมอจะเคาท์ดาวน์ให้เรา ก็ลุ้นๆ ดี ตอนยิงเลเซอร์เราจะไม่รู้สึกเจ็บนะเพราะตาไร้ความรู้สึกอยู่ สำคัญสุดคือตาต้องนิ่งมาก ห้ามหลุกหลิกเด็ดขาด ทิปส์คือให้เราพยายามทำตาลอยๆ เหม่อๆ เสมือนคนเมากาว แต่ต้องไม่ลืมโฟกัสจุดเขียวแบบไม่เพ่งเกินไปด้วยนะ รวมใช้เวลาอยู่ในห้องผ่าตัด 10 - 15 นาทีเอง เสร็จแล้วก็ออกมานอนที่เก้าอี้นวดเหมือนเดิม ฤทธิ์ยาชาหมดก็ไม่เจ็บนะ ระหว่างนี้ตาเราก็เริ่มมองเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ แล้วค่ะ ตอนนั้นแอบตกใจความได้ผลทันตา เพราะอ่านรีวิวหลายที่เขาบอกกลับไปนอน ตื่นมาถึงจะเห็นชัด นอนเปื่อยไปสักพักพยาบาลก็จะมาครอบตาให้ บอกข้อปฏิบัติคือห้ามล้างหน้าให้เอาผ้าเช็ดแทน ห้ามเอาที่ครอบตาออก ค่อยให้หมอเปิดให้พรุ่งนี้เช้า นอกเรื่อง ระหว่างนอนเปื่อยเราเจอคุณหมอเอกเทศเดินอยู่แถวนั้นด้วย แกแลดูสุภาพนุ่มนวล คุยกับพนักงานเพร๊าะเพราะ

กลับถึงบ้านไปก็แอบเล่นมือถือโดยมองผ่านช่องของที่ครอบตาประมาณสองชั่วโมง (ห้ามทำตามเนาะ) แล้วก็นอนหลับไปอีกสองชั่วโมง ตื่นมาน้ำตาซึมหยดนึงแต่ไม่มีความรู้สึกเจ็บเลยอ่ะ จะรู้สึกขี้เกียจลืมตาบ้าง แต่เราหิวเลยลุกมากินทุเรียนละนอนดูทีวีแบบมองจอเป็นพักๆ มองนานไม่ได้เพราะตามันขี้เกียจลืม สรุปคือตาเราไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่แสบอะไรเลย หมอให้ยาแก้ปวดกับยานอนหลับมาก็ไม่ได้กิน

เสริมนิดนึงค่ะ TRSC มีตู้รับบริจาคแว่นตาด้วยนะ เขาจะส่งต่อกรอบแว่นตาไปให้โครงการตัดแว่นตาฟรีสำหรับคนไม่มีเงิน แต่ใครจะเก็บไว้ดูต่างหน้าเกร๋ๆ ก็ได้ ส่วนเรามีแว่นตาที่ใช้อยู่ปัจจุบันทั้งสิ้น 4 อัน ก็บริจาคหมดนั่นแหละ สำหรับเรามันเป็นของแสลงหัวใจตอกย้ำครึ่งชีวิตที่เติบโตมาอย่างเบลอๆ โปรดอย่าถามว่าชีวิตนี้หมดเงินไปกับค่าแว่นตาแล้วกี่อัน คอนแทคเลนส์รายวันกับรายเดือนกี่คู่ น้ำตาเทียมรายวันกี่หลอด น้ำยาล้างคอนแทคกี่ขวด ถ้าคุณทราบ ค่าเลสิคแสนสามจะดูชิคๆ ขึ้นมาทันที





ขั้นที่ 4 ตรวจตาหลังทำเลสิค

การตรวจติดตามผลหลังทำเลสิคจะมี 5 ครั้งภายในระยะเวลา 1 ปี ได้แก่ ตรวจหลังทำเลสิค 1 วัน, 1 สัปดาห์, 1 เดือน, 3 เดือน และ 1 ปี แต่ละรอบที่ไปยกเว้นรอบแรกจะมี Process เหมือนๆ กันคือไปตรวจวัดค่าสายตา (ที่ให้อ่านตัวอักษรอ่ะ) วัดความดันตา ปิดท้ายที่ให้หมอส่องลูกตา พนักงานบอกใช้เวลา 1 ชั่วโมง แต่เราไม่เคยใช้เวลาเกิน 30 นาทีสักรอบ

• ตรวจตาครั้งที่ 1 | หลังทำเลสิค 1 วัน หรือก็คือวันรุ่งขึ้นนั่นเอง หมอนัดเรา 8.30 น. เราก็หิ้วตัวเองซึ่งใส่ที่ครอบตาอยู่ เสมือนอวตารเป็นไอ้มดแดงไปขึ้น BTS ทุกคนล้วนหลีกทางให้ด้วยความเวทนาอาดูร ผลการตรวจคือแผลหายดีแล้วจ้า ไวดีชะมัด อนึ่งเป็นเพราะเราใช้วิธีรีเล็กซ์ซึ่งแผลเล็กทำให้หายไวนะคะ เรายังต้องครอบตาตอนนอน ห้ามล้างหน้าแต่ให้เช็ดแทน ห้ามสระผมเองต้องไปร้านเป็นเวลา 3 วัน ให้หยอดยาแก้อักเสบ 4 เวลาเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน และหยอดน้ำตาเทียม (ที่ให้มาเป็นแบบรายวัน) ทุก 1 - 2 ชั่วโมง

 

• ตรวจตาครั้งที่ 2 | หลังทำเลสิค 1 สัปดาห์ ช่วงหนึ่งวีคนี้เราจะต้องหยอดน้ำตาเทียมบ่อยมาก ค่อนข้างน่ารำคาญ แล้วคือเราไม่ชินกับโลก HD เราจะชอบนึกว่าตัวเองลืมถอดคอนแทคเลนส์ มโนไปเองว่ารู้สึกตาเมื่อยล้าเหมือนใส่คอนแทคนานเกินไปอ่ะ ลำเค็ญเพราะตัวเองแท้ๆ แล้วก็ขอกระซิบนิดนึง คือเขาจะให้ใส่ที่ครอบตาเผื่อเราเผลอขยี้ตาตอนนอน แล้วเราเป็นคนนอนนิ่งบวกกับรำคาญที่ต้องแปะมัน เราก็เลยไม่ได้ครอบ อีกอย่างคือที่เขาห้ามล้างหน้าสระผม 3 วันเราก็ไม่ได้ทำตาม (เลวสองต่อ) เพราะขยะแขยงสภาพหน้าเยิ้ม ผมมันแผลบของตัวเอง แต่งกเงินไม่อยากไปสระที่ร้าน เราก็เลยล้างหน้าโดยปิดตาให้สนิทแล้วล้างแค่น้ำเปล่า ปกติเราไม่ใช้โฟมอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหา ส่วนสระผมเราเริ่มสระวันที่ 2 หลังเลสิค ที่จริงจะสระได้วันที่ 4 หลังเลสิคนะ ตอนสระเราก็ทำเหมือนตอนล้างหน้าคือปิดตาให้สนิท เอาขวดแชมพูครีมนวดวางเตรียมไว้ตรงที่หยิบถนัดมือ เช็ดหน้าให้แห้งทุกครั้งก่อนลืมตา พอไปตรวจครั้งนี้ก็ปรากฏว่าโนพลอมแพลมนะ อันนี้เล่าให้ฟังเฉยๆ ไม่ควรทำตาม ถ้าไม่อยากมีปัญหาควรปฏิบัติตามคำสั่งหมออย่างเคร่งครัด อย่าเป็นเด็กดื้อเหมือนเราน้อ ตอนนั้นโดนแม่แซะด้วยว่า "ทำเลสิคเป็นแสน เสือกงกค่าสระผมเจ็ดสิบ"

• ตรวจตาครั้งที่ 3 | หลังทำเลสิค 1 เดือน ค่าสายตาดีเยี่ยม ไม่มีปัญหาอะไรเลย

• ตรวจตาครั้งที่ 4 | หลังทำเลสิค 3 เดือน N/A *ค่าสายตาจะคงที่แน่นอนตอนนี้นะ*

• ตรวจตาครั้งที่ 5 | หลังทำเลสิค 1 ปี N/A

หยูกยานานัปการ


ใครมีงบจำกัดไม่แนะนำที่นี่จริงๆ นะ TRSC มันแพงสุดในประเทศไทยอ่ะ จากที่เราหาข้อมูลที่อื่น เห็นว่าบางที่ก็มีเครื่องมือทันสมัย หมอเก่ง บริการเป็นเลิศ เรียกว่าคุณภาพมาตรฐานระดับเดียวกันแต่ราคาต่ำกว่าหลายหมื่นเลย ลองหาดูค่ะ ไม่ยาก ส่วนใครไม่มีปัญหาเรื่องเงิน แบบว่าบ้านรวยตังค์เหลือก็แนะนำที่นี่เลย นอกเหนือจากความชัวร์เรื่องการเลสิคแล้ว คือคุณหมอน่ารัก (ถึงเราจะเจอแค่ 2 คน) พนักงานสุภาพ บริการเป็นเลิศ โทรแจ้งก่อนวันตรวจตลอด ไม่เททั้งที่จ่ายเงินครบแล้ว มีมุมเครื่องดื่มกับของกินเล่นด้วย สบายพุงคนรอไปอีก เอาเป็นว่าก็สมราคาที่จ่ายไปเป็นแสนอ่ะค่ะ

คุณนายแม่เราก็เคยทำเลสิคเมื่อ 15 ปีที่แล้วนะ เป็นยุคบุกเบิกการทำเลสิคในไทย ทำที่รามา ใช้วิธีไหนไม่รู้แต่ราคาตอนนั้น 55,000.- (ถ้าเทียบค่าเงินปัจจุบันก็เป็นแสนล่ะ) ปัจจุบันนางสายตาสั้นขึ้นมา 50 มีสายตายาวตามความแก่ของนาง ถามหมอที่ TRSC เค้าบอกจัดว่าเป็นค่าสายตาที่เพอร์เฟ็คแล้วสำหรับวัยนี้ จำรายละเอียดที่หมอพูดไม่ได้ละ แต่ประมาณว่าค่าสายตาสั้นยาวฟีทเจอริ่งกันจนลงตัวอ่ะ



สรุปค่าใช้จ่าย

• ค่าตรวจวิเคราะห์สภาพตาก่อนผ่าตัด 1,500.- (ราคาเต็ม 2,000.-)
• ค่าผ่าตัดแบบ ReLEx (รวมค่ายาและค่าตรวจติดตามหลังผ่าตัด) 129,800.- (ราคาเต็ม 135,000.-)

*ส่วนลด*
• ลงทะเบียนรับส่วนลดในเว็บไซต์ ลด 4,500.- (แบ่งเป็นลดค่าตรวจ 500.-, ค่าผ่าตัด 4,000.-)
• จ่ายค่าผ่าตัดด้วยเงินสดลด 1,200.-

รวมเสียทรัพย์ไป 131,300.- บาท




ข้อมูล TRSC

เว็บไซต์ : http://www.lasikthai.com 
โทรศัพท์ : 02-733-2020 (เวลาทำการ : วันจันทร์ - เสาร์ 8.00 - 20.00 น. | วันอาทิตย์ 8.00 - 17.00 น.)
อีเมล์ : info@lasikthai.com
ที่ตั้ง : TRSC International LASIK Center เลขที่ 968 อาคารอื้อจือเหลียง ชั้น 6 ถ.พระราม 4 สีลม บางรัก กรุงเทพฯ 10500
สถานที่ใกล้เคียง : สวนลุมพินี, โรงแรมดุสิตธานี, สีลมคอมเพล็กซ์, สะพานไทย - เบลเยี่ยม
วิธีเดินทางด้วยรถไฟฟ้า : BTS สายสีเขียว (ตากสิน - บางหว้า) ลงสถานีศาลาแดง | MRT สายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง - บางซื่อ) ลงสถานีสีลมหรือลุมพินี

วันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

[Light Novel Review] เจ้าชายจัดหนัก รักนะจุ๊บๆ

 ภ า พ ที่ เ ห็ น ล ว ง ต า ม า ย า ห ล อ ก          ดั่ ง คั น ฉ่ อ ง ส่ อ ง ส ะ ท้ อ น พ า สั บ ส น

           เ พี ย ง รู ป ก า ย ผิ ด ไ ป ใ จ ว ก ว น          จั ก ต้ อ ง ค้ น ม น ต์ ส ะ ก ด แ ห่ ง ค ว า ม จ ริ ง
 
 
 
 
恋する王子と受難の姫君 (Koisuru Ouji to Junan no Himegimi)
เรื่อง : OGURA Haruka
ภาพประกอบ : KATOU Eriko  ฝากรูป
ลิขสิทธิ์ในญี่ปุ่น : Enterbrain, Inc.
ลิขสิทธิ์ในไทย : G-Plus Books (เครือ Animag Publishing)
จำนวน : 5 เล่ม (@ไทย)
จำนวน : 8 เล่มจบ (@ญี่ปุ่น)
 
เล่ม 1 : ท่านหญิงดวงจู๋ / 145.-
เล่ม 2 : คู่ครองคนนี้ที่บ้านไม่ปลื้ม / 145.-
เล่ม 3 : ศัตรูหัวใจฟ้าประทาน / 145.-
เล่ม 4 : สลับร่างพิสูจน์รัก / 145.-
เล่ม 5 : นักแสดงผู้กำชัย / 150.-
 
 
 
'มิเลอร์' เป็นทหารหนุ่มแห่งเพนเทเรีย อาณาจักรเล็กๆ แห่งหนึ่ง
เขามีใบหน้าหวานรวมทั้งร่างกายที่แสนบอบบางราวกับผู้หญิง
วันหนึ่งมิเลอร์ได้รับการช่วยเหลือจาก 'เจ้าชายอเล็กซิส' แห่งอาณาจักรคาเซลลาอันยิ่งใหญ่
มิเลอร์ต้องการตอบแทนบุญคุณ จึงตอบรับคำขอของเจ้าชายที่ว่าอยากจะให้เขาพาชมเมือง
หลังจากพาชมเมืองเรียบร้อย มิเลอร์ก็ถูกชวนให้ไปอยู่อาณาจักรคาเซลลาด้วยกัน
เจ้าชายอเล็กซิสบอกว่ามิเลอร์มีใบหน้าคล้ายกับคนรักในอดีตของเขามาก
นับจากวันนั้นเจ้าชายอเล็กซิสก็เรียกหามิเลอร์ทุกวัน
จนความสนิทสนมที่มากเกินไปทำให้มิเลอร์รู้สึกลำบากใจ
แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าชายอเล็กซิสกลับพูดเรื่องแปลกๆ ขึ้นมา
ราวกับจะบอกว่ามิเลอร์ที่อยู่ตรงนี้นั้นไม่ใช่มิเลอร์!?
 
- ผลงานที่ได้รับรางวัลพิเศษในงาน Enterbrain's 13th Entertainment Awards -
 

 
[ แนะนำตัวละคร ]
 
 
 
มิเลอร์
ทหารหนุ่มระดับล่างแห่งราชอาณาจักรเพนเทเรีย
แม้จะอายุ 17 ปีแล้วแต่กลับไม่มีหนวดเคราเลย มีผิวขาว ร่างกายบอบบาง ใบหน้าหวานราวกับผู้หญิง
และพละกำลังอันน้อยนิด ซึ่งทำให้เขากลุ้มใจเสมอมา
เป็นคนใสซื่อ อ่อนโยน ช่างเอาใจใส่ รักสัตว์ และชอบกินของหวาน
มิเลอร์สูญเสียความทรงจำในวัยเด็กเพราะอุบัติเหตุ พร้อมกับพ่อแม่ที่เสียชีวิตลง
เขาจึงต้องมาอาศัยอยู่กับตาซึ่งเป็นหัวหน้านักเวทในวัง จนกระทั่งตาเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน
 
 
 
เจ้าชายอเล็กซิส
มีรูปลักษณ์งดงามสมกับตำแหน่งองค์รัชทายาทอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรคาเซลลาอันยิ่งใหญ่
เก่งกาจทั้งบู๊และบุ๋น
ชอบซื้อโน่นซื้อนี่ให้มิเลอร์ และคอยเอาใจใส่อยู่เสมอ
ถึงจะใจดีอ่อนโยนกับมิเลอร์เป็นพิเศษ แต่กลับโหดกับคนอื่น
 
 
 
มาช ดี มินิช
ผู้ติดตามสุดบ๊องของเจ้าชายอเล็กซิส
เป็นลูกชายคนรองจากตระกูลบารอนแห่งราชอาณาจักรคาเซลลา
แม้จะมีใบหน้าหล่อเหลาแต่นิสัยร่าเริงจนเกินไป ง้องแง้งเหมือนเด็กๆ
เป็นผู้ติดตามที่ต้องให้เจ้านายปกป้อง และเจ้าตัวก็ดูจะพอใจซะด้วย
(เอิ่มม.. เป็นผู้ติดตามมันต้องปกป้องเจ้านายไม่ใช่เรอะ -0-)
 
 
 
วิทอส
หัวหน้านักเวทที่รับช่วงต่อจากโทนาตัส ตาของมิเลอร์
หมกมุ่นกับการทำงานจนลืมวันลืมคืน ลืมแม้กระทั่งกินอาหารและเข้าห้องน้ำ
 
 
 
คีธ
นายทหารระดับล่างซึ่งเป็นเพื่อนกับมิเลอร์
คอยช่วยเหลือมิเลอร์ยามลำบาก เช่นเดียวกับเพื่อนทหารคนอื่นๆ
 
 

 
[ Spoil ภาพประกอบ ]
คลิกที่ภาพเพื่อขยาย
 
 
Pin-Up
เป็นฉากในตอนแรกๆ ของเรื่อง
เจ้าชายขี้หวง >w< กับแผนที่และตัวละครอื่นๆ ในเรื่อง
 
 
 
หน้าแนะนำตัวละคร
 
 
 
ภาพประกอบจากบทที่ 1
เจ้าชายอเล็กซิสปีนต้นไม้ไปช่วยลูกนกแทนมิเลอร์ อั้ยย้ะ! สุภาพบุรุษจอมปลอม
 
 

 
[ลงคะแนน]
 
 
เนื้อเรื่อง
[ 10/10 ]
 
เนื้อเรื่องช่วงแรกจะเป็นการแนะนำเมือง วัฒนธรรม ปูพื้นเรื่อง
แล้วถัดมาจึงค่อยๆ เชื่อมความสัมพันธ์ของตัวละครเข้าด้วยกันทีละนิด
จากนั้นจึงเริ่มพูดถึงปริศนาเรื่องอดีตของมิเลอร์ แต่นั่นเป็นแค่ปริศนาชั้นนอกเท่านั้น
เพราะยังมีปมปริศนาปัญหาต่างๆ ที่ลึกเข้าไปตามมาอีกเป็นขบวน
 
ปริศนาจะค่อยๆ ไขไปทีละเรื่อง ไม่ได้เฉลยทีเดียวตอนจบ
ทำให้มีเรื่องลุ้นได้เรื่อยๆ อ่านแล้วไม่รู้สึกเบื่อเลย
เรื่องหักมุมก็ไม่ได้มีอะไรมาก คือมันไม่ใช่แนวซีเรียส อ่านไปก็พอจะเดาทางได้อยู่แล้วล่ะ
การบรรยายสามารถเรียบเรียงและใช้ภาษาออกมาได้ดี นึกภาพตามได้เป็นฉากๆ
 
เป็นเรื่องที่สนุกและฮามากกกกก รับประกันการันตี!
ฮาจริงๆ โดยเฉพาะเวลาเจ้าชายพูดจิกกัดเสียดสีผู้ติดตามที่โคตรไม่ได้เรื่อง
แล้วก็บางตอนที่มิเลอร์เผลอพูดทิ่มแทงเจ้าชายที่คลั่งไคล้มิเลอร์จนเกินเหตุเนี่ย อ่านแล้วหัวเราะตลอดเลย
ส่วนฉากดราม่าถึงจะมีนิดเดียวแต่ก็อ่านแล้วสะเทือนใจ ชีวิตมิเลอร์ช่างอาภัพนักแล...
ด้วยประการฉะนี้ เล่มหนึ่งจึงเอาใจออยไปเลยเต็มๆ
 
 
 
ตัวละคร
[ 9/10 ]
ตัวละครหลักๆ มีไม่กี่ตัว ทุกตัวมีบทบาทของตัวเองชัดเจน ซึ่งทำให้เรื่องดำเนินไปอย่างลงตัว
 ไม่เยอะเกินจนมั่วซั่วแบบนิยายไทยหลายๆ เรื่อง
 
นาย or นางเอกน่ารักกกกกกก นิสัยดีด้วย (ไม่งี่เง่าเหมือนนางเอกส่วนใหญ่ของ Enterbrain)
มิเลอร์เป็นคนเข้มแข็ง ไม่ว่าเจออุปสรรคอะไรก็จะก้าวเดินต่อไปด้วยลำแข้งของตัวเอง
ถึงจะไม่มีพละกำลัง รู้ว่าตัวเองอ่อนแอแต่มิเลอร์ก็ไม่ยอมแพ้
กล้าเผชิญหน้ากับความจริงแม้จะรู้ว่าต้องเจ็บปวด
ออยตกลงปลงใจเป็นแม่ยกให้แบบไม่ต้องคิดเลย หุหุ~
 
ส่วนเจ้าชายอเล็กซิสนั้น อ่านๆ ไปอาจจะเผลอคิดว่าพระเอกแม่งโรคจิตป่ะวะ ?
ซึ่งบอกได้เลยว่า ...โคตรอภิมหาโรคจิต!!
ขออนุญาติเอาภาพจากหน้าปกมา Close-Up เพื่อชมความโรคจิตอย่างมีอรรถรส
 
 
55555555555555 รอยยิ้มและสายตาแบบว่าได้ใจมาก /me โดนเจ้าชายลงทัณฑ์
ก็พี่แกคลั่งไคล้มิเลอร์ซะเหลือเกิน หายใจเข้าออกเป็นมิเลอร์เลยทีเดียว
ขี้หึง ขี้ห่วง ขี้หวงสุดๆ อ่านแล้วน่ารักมุ้งมิ้งแบบจิตๆ ดีอ่ะอ่ะ
 
 
 
ภาพประกอบ
[ 8/10 ]
ปกวิ้งๆ สีสันจัดเต็ม สดใสทุกเล่มเลยค่ะ
ภาพในเล่มก็โอเค แต่หักคะแนนเพราะบางภาพโครงหน้าไม่ค่อยบาลานซ์เท่าไหร่
 
KATOU Eriko เป็นคนวาดมังงะเรื่อง "ศึกตำนานรักมังกรข้ามพิภพ" (Yasashii Ryuu no Koroshikata)
LC ในไทยโดยสำนักพิมพ์บงกช มี 5 เล่มจบ ต้นเรื่องจากนิยายแฟนตาซี
จิ้นวายจนเกือบจะวายจริงๆ หรือวายไปแล้วก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณผู้อ่าน
เรื่องนี้คนชอบเยอะนะ แต่สำหรับออยคิดว่าพล็อตมันแปลกๆ ยังไงไม่รู้อ่ะ
ภาพก็ดูทื่อๆ แข็งๆ ไม่ค่อยโดนเท่าไหร่
 
เจ้าชายจัดหนักมีฉบับมังงะด้วย วาดโดยอาจารย์ท่านเดียวกับฉบับไลท์โนเวลค่ะ มี 2 เล่มจบ
G-Plus ซื้อลิขสิทธิ์มาแล้วเช่นกันค่า /ค่ายนี้เค้าเป๋าหนักจริง ปลื้ม
 
 
 
 
 
 
รวมคะแนน
 
[ 9 / 10 ]
 
Repost: 20.06.2017

ผลการจัดอันดับหนังสือแนว BL จาก Kono BL ga Yabai! 2017

 
[ Kono BL ga Yabai! 2017 ]
 
このBLがやばい / This BL is Dangerous! / หนังสือบีแอลเล่มนี้อันตราย!
คือนิตยสารจัดอันดับหนังสือการ์ตูนและนิยายแนว Boy's Love (Yaoi) ของสำนักพิมพ์ Ohzora โดยการจัดอันดับจะใช้ผลโหวตจากผู้อ่าน วางแผงที่ญี่ปุ่นช่วงเดือน ธ.ค. ของทุกปี
 
Kono BL ga Yabai! 2017 (วางแผงที่ญี่ปุ่น 10/12/16) ผลการจัดอันดับคัดเลือกจากการ์ตูนและนิยาย BL ที่วางแผงระหว่างเดือน ต.ค. 2015 - ก.ย. 2016 ผลโหวตแบ่งตามหัวข้อได้แก่
อันดับหนังสือการ์ตูน
อันดับหนังสือนิยาย
อันดับอุเคะ (ฝ่ายรับ)
อันดับเซเมะ (ฝ่ายรุก)
 

 
อันดับหนังสือการ์ตูน
 
1. Yuuutsu na Asa โดย HIDAKA Shoko
 
2. Yarichin Bitch Bu โดย OGERETSU Tanaka
 
3. Color Recipe โดย Harada
 
4. Zhenniao โดย MONZEN Yayohi
 
5. Escape Journey โดย OGERETSU Tanaka
 
6. Jackass! โดย Scarlet Beriko
 
7. VOID โดย ZARIYA Ranmaru
 
8. Hidamari ga Kikoeru โดย FUMINO Yuki
 
9. 10 count โดย TAKARAI Rihito
 
9. D.S.P Romeo โดย WATANABE Asia
 
11. Kikoeru? โดย HASHIMOTO Aoi
 
12. Mother's Spirit โดย Enzou
 
13. Iberiko Buta to Koi no Dorei. โดย SHOOWA
 
14. Inu mo Kuwanai โดย PSYCHE Delico
 
15. Caste Heaven โดย OGAWA Chise
 
16. Motomete Yamanai โดย MASAO Sangatsu
 
16. Isshou Tsuzukerarenai Shigoto โดย YAMADA Yugi
 
18. MODS โดย NATSUME Kazuki
 
19. Mou Ichido, Nando Demo. โดย ANIYA Yuiji
 
 
19. Yuki no Shita no Qualia โดย KII Kanna
 

 
อันดับหนังสือนิยาย
 
1. Public School โดย HIGUCHI Misao (เรื่อง) / yoco (ภาพประกอบ)
 
2. Yes ka No ka Hanbun ka โดย ICHIHO Michi (เรื่อง) / TAKEMIYA Lala (ภาพประกอบ)
 
3. Sora ni Hibiku wa Ryuu no Utagoe โดย IIDA Miki (เรื่อง) / Hitaki (ภาพประกอบ)
 
4. Itoshi no Nicole โดย NAGIRA Yuu (เรื่อง) / yoco (ภาพประกอบ)
 
5. Adrien English โดย Josh Lanyon (เรื่อง) / KUSAMA Sakae (ภาพประกอบ) / FUYUTO Aki (แปล)
 
6. TOUGH โดย IWAMOTO Kaoru (เรื่อง) / TAKASAKI Bosco (ภาพประกอบ)
 
6. LOVE&CATCH โดย KONOHARA Narise (เรื่อง) / SAIKE Delico (ภาพประกอบ)
 
8. 5-Nin no Ou Gaiden โดย Eniwa (เรื่อง) / Epo (ภาพประกอบ)
 
8. Soukyuu no Lorelei โดย OGAMI Yoichi (เรื่อง) / maki (ภาพประกอบ)
 
10. DEADLOCK Series EXTRA โดย AIDA Saki (เรื่อง) / TAKASHINA Yuu (ภาพประกอบ)
 
 
11. Mundane Hurt โดย KONOHARA Narise (เรื่อง) / IDO Gihou (ภาพประกอบ)
 
12. Barairo Janai โดย NAGIRA Yuu (เรื่อง) / NARA Chiharu (ภาพประกอบ)
 
13. Sayonara Real โดย ASAOKA Modoru (เรื่อง) / Toi (ภาพประกอบ)
 
14. Shounen wa Swan wo Mezasu โดย EDA Yuuri (เรื่อง) / Kuroi Tsumuji (ภาพประกอบ)
 
14. Plumeria no Koro. โดย OGAMI Yoichi (เรื่อง) / Maki (ภาพประกอบ)
 
16. Tonight, The Night โดย ICHIHO Michi (เรื่อง) / Etsuko (ภาพประกอบ)
 
17. Hatsukoi no Arashi โดย NAGIRA Yuu (เรื่อง) / KINOSHITA Keiko (ภาพประกอบ)
 
18. Yubinhikouki Yori Ai wo Komete โดย OGAMI Yoichi (เรื่อง) / Maki (ภาพประกอบ)
 
18. Oni no Ou to Chigire โดย TAKAO Riichi (เรื่อง) / ISHIDA Kaname (ภาพประกอบ)
 
18. Candy Milk โดย HICHIWA Yuka (เรื่อง) / HANAKOMAKO Soi (ภาพประกอบ)
 

 
อันดับอุเคะ (ฝ่ายรับ)
 
1. Katsuragi (Yuuutsu na Asa)
 
2. Shirotani (10 count)
 
3. Yoshimune (Iberiko Buta)
 
4. Miyauchi (Kashikomarimashita, Destiny)
 
5. Onoe (Ameiro Paradox)
 

 
อันดับเซเมะ (ฝ่ายรุก)
 
1. Kurose (10 count)
 
2. Akihito (Yuuutsu na Asa)
 
3. Asami (Finder no Hyouteki)
 
4. Qaltaqa (Mother's Spirit)
 
5. Fukusuke (Color Recipe)
 

 
*แถมค่ะ*
 
ภาพฉลองนิตยสาร Kono BL ga Yabai! ครบรอบ 10 ปี
- 10 count โดย อ.TAKARAI Rihito
- Doukyuusei (Classmates เพื่อนร่วมห้อง) โดย อ.NAKAMURA Asumiko
 
อันนี้สแกนแบบชัดค่ะ เจ้าของไม่อนุญาตให้รีโพสต์ ภาพแรก ภาพสอง
 
อ.ทาคาไรวาดรูปนี้ลงทวิตเตอร์ด้วย ชิโรทานิซังน้อยใจที่ตัวเองได้ที่สองจากอันดับอุเคะยอดนิยม แต่คุโรเสะได้ที่หนึ่งของเซเมะ โอ๋เอ๋น๊าาาา
 
 
ปล. ในนิตยสารไม่ได้มีภาพฉลองครบรอบแค่นี้นะคะ ยังมีภาพจากอาจารย์อีกหลายท่านค่ะ แล้วก็มีหลายคนวาดแสดงความยินดีที่ผลงานตัวเองติดอันดับในทวิตเตอร์ด้วย
 

  
Repost: 07.01.2017